เมื่อดาวมาอยู่ใกล้กัน


พระเคราะห์คู่


ดาวพระเคราะห์ต่างๆ เมื่อดวงหนึ่งไปสถิตร่วมกับดาวพระเคราะห์อีกดวงหนึ่ง จะก่อให้เกิดความหมายพิเศษขึ้นมา จากการสัมพันธ์ของดาวพระเคราะห์คู่นั้นๆ คือ


คู่มิตร เมื่อมีดาวอยู่ร่วมกันดังที่จะกล่าวข้างล่างนี้ เรียกว่า "ดาวคู่มิตร" คือ


๑ กับ ๕ (อาทิตย์กับพฤหัส) คู่มิตรปานกลาง
๒ กับ ๔ (จันทร์กับพุธ) คู่มิตรบริสุทธิ์
๓ กับ ๖ (อังคารกับศุกร์) คู่มิตรดี
๗ กับ ๘ (เสาร์กับราหู) คู่มิตรเข้ากันได้
ดาวพระเคราะห์ที่อยู่รวมกันโดยเป็น "คู่มิตร" กัน มีความหมายเป็นกลางๆว่า ความรัก ความเมตตา ความไว้วางใจ คนที่รักใคร่ใกล้ชิด ถ้าดาวคู่มิตรให้ผลทางด้านดี ก็ให้ความหมายถึง ผลดี ที่จะเกิดขึ้น เพราะคนรัก คนใกล้ชิด เพราะมิตร เพราะความไว้วางใจ หรือที่จะได้รับจากคนรัก คนใกล้ชิด หรือจากมิตรนั่นเอง


ถ้าดาวคู่มิตรให้ผลในด้านเสีย ก็ให้ความหมายถึง ผลเสีย ที่จะเกิดขึ้นเพราะคนรัก คนที่ใกล้ชิด เพราะมิตร เพราะความไว้วางใจ หรือที่จะได้รับจากคนรัก คนใกล้ชิด หรือจากมิตรนั่นเองเป็นเหตุ เข้าทำนองที่ว่า "ไว้ใจทาง วางใจคน จะจนใจเอง"


คู่ธาตุ เมื่อมีดาวอยู่ร่วมกันดังที่จะกล่าวข้างล่างนี้ เรียกว่า "คู่ธาตุ" คือ


๑ กับ ๗ (อาทิตย์กับเสาร์)คู่ธาตุไฟ
๒ กับ ๕ (จันทร์กับพฤหัส)คู่ธาตุดิน
๓ กับ ๘ (อังคารกับราหู)คู่ธาตุลม
๔ กับ ๖ (พุธกับศุกร์)คู่ธาตุน้ำ


ดาวพระเคราะห์ที่อยู่ร่วมกันเป็น "คู่ธาตุ"กัน มีความหมายถึง ความเป็นปึกแผ่น ความมั่นคงถาวร ความสมบูรณ์พูนสุข ความยั่งยืนยาวนาน


ถ้าดาวคู่ธาตุให้ผลทางด้านดี ก็ให้ความหมายถึง ผลดี ที่จะเกิดขึ้น หรือที่จะได้รับเป็นชิ้นเป็นอัน หรือได้รับอยู่อย่างยาวนาน อย่างมั่นคงถาวร หรือจะได้รับผลประโยชน์จากถาวรวัตถุที่มีอยู่


ถ้าดาวคู่ธาตุให้ผลในทางด้านเสีย ก็ให้ความหมายถึง ผลเสีย ที่จะเกิดขึ้น หรือที่จะได้รับนั้นมีส่วนกระทบกระเทือนถึงหลักฐาน ฐานะ ความมั่นคงถาวร หรือผลเสียนั้นจะต่อเนื่องกันเป็นเวลานานกว่าจะหมดไป


คู่สมพล เมื่อมีดาวอยู่ร่วมกันดังที่จะกล่าวข้างล่างนี้ เรียกว่า "คู่สมพล" คือ


๑ กับ ๖ (อาทิตย์กับศุกร์)
๒ กับ ๘ (จันทร์กับราหู)
๓ กับ ๕ (อังคารกับพฤหัส)
๔ กับ ๗ (พุธกับเสาร์)


ดาวพระเคราะห์ที่อยู่ร่วมกันเป็น "คู่สมพล" มีความหมายเป็นกลางๆว่า อำนาจ อิทธิพล ความสามารถ ความรู้ ความชำนาญ ตำแหน่ง หน้าที่


ถ้าดาวคู่สมพลให้ผลในด้านดี ก็ให้ความหมายถึง ผลดี ที่จะเกิดขึ้น หรือที่จะสำเร็จ เพราะอำนาจของอิทธิพล เพราะความรู้ความสามารถ ความชำนาญ หรือเพราะตำแหน่งหน้าที่ หรือจากการใช้ความรุ้ความสามารถ


ถ้าดาวคู่สมพลให้ผลทางด้านเสีย ก็ให้หมายความถึง ผลเสีย ที่จะเกิดขึ้น จากการใช้อำนาจอิทธิพล หรือเพราะความประมาท หรือเพราะความเชื่อมั่นในตนเองมากเกินไป และรวมถึงความเสียหายแก่ตำแหน่งหน้าที่ หรืองานในความรับผิดชอบ


คู่ศัตรู เมื่อมีดาวอยู่ร่วมกันดังที่กล่าวข้างล่างนี้ เรียกว่า "คู่ศัตรู" คือ


1 กับ 3 (อาทิตย์ผิดอังคาร)
4 กับ 8 (พุธอันธพาลวิวาทราหู)
6 กับ 7 (ศุกร์กับเสาร์เป็นเสี้ยนศัตรู)
2 กับ 5 (จันทร์กับครูเป็นอริต่อกัน)


ประเภทของดาวเคราะห์


ดาวพระเคราะห์ทั้ง 10 ดวง แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1 ดาวศุภเคราะห์ ได้แก่ 2 4 5 6 เป็นประเภทที่มีความอ่อนโยน นุ่มนวล เรียกว่า ประเภท "บุญฤทธิ์"
2 ดาวบาปเคราะห์ ได้แก่ 1 3 7 8 0 เป็นประเภทที่มีความกล้าแข็ง รุนแรง เรียกว่า ประเภท "อิทธิฤทธิ์"
(ดาวเกตุ จัดอยู่ในประเภทกลางๆ ถ้าได้เกณฑ์ดี จัดเป็นศุภเคราะห์ ถ้าได้เกณฑ์ร้าย จัดเป็นบาปเคราะห์
ถ้าสถิตในทุสถานภพ จัดเป็นดาวบาปเคราะห์ เมื่อออกโคจรไปตามวิถีจักร ย่อมนำพาความหมายของเรือนนั้นๆ ติดตัวไปด้วยเสมอ)


ดาวพระเคราะห์ที่เป็นศัตรูกัน แบ่งได้ดังนี้ คือ


1 ดาวพระเคราะห์คนละประเภทกัน ถือว่าเป็นศัตรูกัน
2 ดาวพระเคราะห์ที่เป็นประเภทบาปเคราะห์ด้วยกัน ถือว่าเป็นศัตรูกัน


ลักษณะการให้คุณและโทษของดาวศุภเคราะห์และบาปเคราะห์




ดาวพระเคราะห์นอกเหนือจากการเป็น คู่มิตร คู่ธาตุ คู่สมพล ตามที่กล่าวมาแล้ว ยังมีดาวที่เป็นคู่กันอีกอย่างหนึ่ง เรียกว่า "คู่สัมพันธ์" โดยมีความหมายของแต่ละคู่ ดังนี้


ดาวคู่สัมพันธ์


๑ กับ ๒ (อาทิตย์กับจันทร์)


เรียกว่า "คู่ครัวเรือน คู่ผัวเมีย" ดาวคู่นี้มีอิทธิพลปานกลาง คือ เมื่อจะให้คุณ หรือ ให้โทษก็ไม่สู้ร้ายแรง หรือรุนแรงนัก มักเป็นเหตุเพียงเล็กๆน้อยๆในหมู่คณะ หรือครอบครัวเท่านั้น


๑ กับ ๓ (อาทิตย์กับอังคาร)


เรียกว่า "คู่ปะทะเฉพาะหน้า คู่ทะเยอทะยาน" โดยให้ผลดังนี้ คือ
ด้านดี หมายถึง ความกระตือรือร้น ทะเยอทะยานในความก้าวหน้า ความคล่องแคล่วว่องไว หรือได้รับชัยชนะในการต่อสู้แข่งขัน เอาจริงเอาจัง ฯ
ด้านเสีย หมายถึง การชอบใช้อำนาจ เจ้าอารมณ์ อารมณ์ร้อน อุบัติเหตุ การผ่าตัด บาดแผล ฯ


๑ กับ ๔ (อาทิตย์กับพุธ)


เรียกกันโดยศัพท์โหรว่า "คู่ปะทะเฉพาะหน้า คู่อุบัติเหตุ"
ด้านดี (มีโยคเกณฑ์ดีต่อลัคนา) หมายถึง มีความกระตือรือร้น มีทะเยอทะยานในความก้าวหน้า มีความคล่องแคล่วว่องไว ได้รับชัยชนะในการต่อสู้ ในการแข่งขัน
ด้านเสีย (มีโยคเกณฑ์ร้ายต่อลัคนา) หมายถึง การชอบใช้อำนาจ ชอบใช้อิทธิพล เป็นคนเจ้าอารมณ์ อารมณ์ร้อน โมโหร้าย มักก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บเลือดตกยางออก หรือต้องผ่าตัด


๑ กับ ๖ (อาทิตย์กับศุกร์)


๑ กับ ๘ (อาทิตย์กับราหู)


๒ กับ ๓ (จันทร์กับอังคาร)


๒ กับ ๖ (จันทร์กับศุกร์)


เรียกกันโดยศัพท์โหราศาสตร์ว่า "คู่จันทร์อภิรมย์ ศุกร์เจ้าสำราญ ,คู่สำรวย สำราญ , คู่สะดวกสบาย" เนื่องจากดาวคู่นี้ เป็นดาวศุภเคราะห์ทั้งคู่ ความหมายของดาวแต่ละดวงดูแล้วมีความสวย ความงาม ความอ่อนหวานนิ่มนวลทั้งสิ้น ฉะนั้นเมื่อดาว 2 ดวงนี้สถิตอยู่ราศีเดียวกัน หรือดาวดวงใดดวงหนึ่งจร หรือสถิตอาศัยเรือนซึ่งกันและกัน จะมีความหมายดังนี้
ด้านดี (มีโยคเกณฑ์ดีต่อลัคนา) หมายถึง ความหวังอันก่อให้เกิดผลแห่งความสำเร็จ ความราบรื่น แจ่มใส ความอำนวยอวยชัยต่างๆ ความโอ่อ่าสง่างาม ความมีชีวิตชีวา ความสนุกสนานร่าเริงบันเทิงใจ ตลอดจนความปลอดโปร่งใจ
ด้านเสีย (มีโยคเกณฑ์ร้ายต่อลัคนา) หมายถึง การปล่อยปละละเลย ประมาทจนเสียเรื่อง ทั้งนี้ด้วยอิทธิพลของดาวศุภเคราะห์ ลักษณะการให้โทษจะเป็นแบบนุ่มนวลค่อยเป็นค่อยไป บางครั้งให้โทษแล้วเจ้าชะตาก็ไม่รู้ตัว เนื่องจากเกิดความเคยชิน ดาวคู่นี้ส่งผลให้เกิดความสุขสบายจนเคยตัว จนทำให้ดีแตก กล่าวคือ ความสะดวกสบาย ความโอ่อ่าหรูหรา กลับกลายเป็น ความฟุ่มเฟือย ความฟุ้งเฟ้อ ความหลงระเริง รักความสนุกสนาน ความบันเทิงเริงรมย์ จนกลายเป็นผลแห่งความเลินเล่อ ความประมาท สนุกจนลืมตัว ทำให้เกิดความทุกข์จากความสนุกนั้น โอกาสที่จะให้โทษ มักเกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัว ไม่คาดคิดมาก่อน และเกิดขึ้นได้แบบง่ายๆ

๒ กับ ๗ (จันทร์กับเสาร์)


๒ กับ ๘ (จันทร์กับราหู)


๓ กับ ๔ (อังคารกับพุธ)


เรียกกันโดยศัพท์โหราศาสตร์ว่า " คู่คิดคู่กระทำ คู่ทฤษฎีคู่ปฏิบัติ คู่วิวาทะ"
ด้านดี (มีโยคเกณฑ์ดีต่อลัคนา) หมายถึง เป็นบุคคลมีความขยันขันแข็ง เป็นผู้คิดแล้วต้องทำ และถ้าได้ทำแล้วก็ทำจริง ไม่ใช่แต่จะพูดอย่างเดียว นอกจากนี้ยังมีวาทะศิลป์ สามารถพูดเรียกร้องความสนใจแก่มหาชนได้ (ดาว ๓ มีความหมายในเรื่องความขยันขันแข็ง ความอดทน การต่อสู้ ส่วนดาว ๔ มีความหมาย เป็นผู้มีปัญญาดี มีความคิดเป็นเลิศ ความคิดความอ่านดี จึงเรียกดาวพระเคราะห์คู่นี้ว่า "คู่คิดคู่กระทำ"
ด้านเสีย (โยคเกณฑ์ร้ายต่อลัคนา) หมายถึง เป็นผู้มีปากมาก ปากเสีย พูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระ หาข้อมูลที่เป็นความจริงไม่ได้ และมักจะเดือดร้อนเพราะปาก อาจถูกใส่ความใส่ร้ายป้ายสีอยู่บ่อยๆ หรือถูกฟ้องร้องกล่าวหา เป็นต้น ส่วนใหญ่ดาวคู่นี้ ถ้าว่ากันในด้านเสียแล้ว มักจะเป็นผู้มีปากเสียงกับผู้อื่นตลอดเวลา มีการทะเลาะวิวาทถึงขั้นลงไม้ลงลงมือเลยทีเดียว


๒ กับ ๗ (จันทร์กับเสาร์)


เรียกกันโดยศัพท์โหรว่า "คู่จองเวร คู่ทรหดอดทน คู่ทุกข์คู่ทรมาน"
ด้านดี (มีโยคเกณฑ์ดีต่อลัคนา) หมายถึง ส่งผลให้มีความมานะพยายามสูง อดทนต่อความยากลำบากในทุกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าดีหรือร้าย สาหัสหนักหรือเบาก็ตาม มักจะต่อสู้ด้วยดี ไม่ย่อท้อต่อความทุกข์ยากลำบากแม้แต้น้อย
ด้านเสีย (โยคเกณฑ์ร้ายต่อลัคนา) หมายถึง การได้รับความทุกข์ทรมาน เมื่อมีเรื่องหรือปัญหาเกิดขึ้น มักจะยืดเยื้อยาวนานใช้เวลานานกว่าปกติธรรมดา มักจะมีการอาฆาตพยาบาทจองเวรเกิดขึ้น ซึ่งจะมีผลกับทั้ง 2ฝ่าย ทั้งตัวเจ้าชะตาเองและผู้ที่เกี่ยวข้อง